เรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในฐานะกลุ่มองค์กรที่ทำงานเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมประมงที่ถูกกฎหมาย ยั่งยืน และมีมนุษยธรรมในประเทศไทย เราเขียนหนังสือฉบับนี้ขึ้นเพื่อเรียนให้ท่านทราบถึงความกังวลอย่างยิ่งของเราต่อข้อเรียกร้องของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
ประเทศไทยในการแก้กฎหมายและกฎระเบียบกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านประมงและขอความอนุเคราะห์ให้ทางรัฐบาลดำเนินการเพื่อยับยั้งเหตุนี้โดยเร็ว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยได้ร้องขอให้ทางรัฐบาลยกเลิกกฎหมายและกฎระเบียบกฎระเบียบต่างๆที่ออกมาเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU Fishing) และการละเมิดสิทธิมนุษยชนบนเรือประมงอย่างต่อเนื่อง เราขอเรียกร้องและสนับสนุนให้รัฐบาลไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมง และกระทรวงแรงงาน ปฏิเสธการตอบสนองข้อเรียกร้องของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และมุ่งมั่นทำงานเพื่อรักษาและยกระดับความสำเร็จในด้านกฎระเบียบด้านประมงและแรงงานให้เป็นที่ยอมรับต่อสากลโลกต่อไป
เราทราบว่าสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยได้มีการหารือและเสนอข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณา:
- ให้อนุญาตให้มีการเปลี่ยนถ่ายลูกเรือประมงและการขนถ่ายสัตว์น้ำระหว่างเรือประมง: การอนุญาตให้กระทำกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานเพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ของลูกเรือประมงได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกเรือประมงถูกละเมิดสิทธิและบังคับให้ทำงานบนเรือไปเรื่อย ๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับรู้ได้ โดยในอดีตนั้น กิจกรรมเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ที่เจ้าของเรือประมงที่การประมงผิดกฎหมายใช้เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนหรือมาจากการค้ามนุษย์หลบหนีหรือถูกจับกุม แรงงานเหล่านี้มักถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และบังคับให้ทำงานอยู่แต่บนเรือประมงในทะเลเป็นหลายเดือนหรือหลายปี เมื่อไม่กี่ปีก่อนการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมง กรณีดังกล่าวยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ[1] นอกจากนี้ การขนถ่ายสัตว์น้ำระหว่างเรือประมงยังก่อให้เกิดช่องว่างให้สามารถนำผลผลิตจากการทำประมงที่ผิดกฎหมายมาสวมรอบให้ผลผลิตที่ถูกกฎหมาย และก่อให้เกิดปัญหาทั้งด้านการทำประมงผิดกฎหมายและความยั่งยืน
- ขยายเวลาเพื่ออนุญาตให้เจ้าของเรือสามารถแก้ไขรายชื่อลูกเรือหลังจากแจ้งออกจากท่าเรือ: การอนุญาตเช่นนี้จะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการค้ามนุษย์ การละเมิดสิทธิแรงงาน และการใช้แรงงานที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมายเนื่องจากเรือประมงสามารถเพิ่มลูกเรือหลังจากได้รับการตรวจเรือประมงเรียบร้อย โดยไม่ต้องได้รับการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่อีก
- ขยายวันออกทำการประมงต่อเที่ยวการประมง (ปัจจุบันเรือประมงในน่านน้ำไทยสามารถออกทำการประมงได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน): การกระทำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดการลงแรงประมงเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่อยู่เหนือกว่าความยั่งยืน และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเปลี่ยนถ่ายลูกเรือประมงเนื่องจากเรือประมงสามารถออกไปทำประมงได้ไกลยิ่งขึ้นภายใต้ระยะเวลาที่นานขึ้น
- ให้ยกเลิกกฎระเบียบที่บังคับให้เรือประมงกรอกพิกัดแหล่งการทำประมงในสมุดบันทึกข้อมูลการทำประมง: พิกัดของแหล่งการทำประมงที่แน่ชัดนั้นเป็นข้อมูลสำคัญในการช่วยยืนยันว่าสัตว์น้ำถูกจับในเขตการทำประมงที่ถูกกฎหมาย ข้อมูลชนิดนี้ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการบริหารจัดการประมงที่มีประสิทธิภาพ หากกฎระเบียบข้อนี้ถูกยกเลิกไปจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการปรับปรุงและส่งเสริมให้เรือประมงไทยก้าวเข้าสู่การทำประมงอย่างยั่งยืนและถูกกฎหมาย
- อนุญาตให้เรือกลุ่ม ‘ ขาวส้ม ‘ ที่ถูกตรึงพังงาได้รับการต่อทะเบียนประมง: เรือประมงกลุ่มดังกล่าวนี้ได้รับคำสั่งให้ถูกตรึงพังงาเมื่อพ.ศ. 2558[2] หลังจากถูกตรวจสอบพบว่ามีทะเบียนเรือหรือใบอนุญาตการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การอนุญาตให้เรือประมงเหล่านี้ได้รับการต่อทะเบียนและกลับไปทำการประมง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทรัพยากรประมงซึ่งกำลังอยู่ในระยะแรกเริ่มของการฟื้นฟู เนื่องจากความเสี่ยงในการทำประมงมากเกินไปนั้นเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การนำเรือประมงเหล่านี้กลับเข้ามาสู่ในระบบยังอาจทำให้แผนการซื้อเรือคืนเพื่อการบริหารจัดการและลดจำนวนเรือประมงให้สอดคล้องกับกับสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เนื่องจาก หาก การลงแรงประมงไม่สามารถถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับความยั่งยืนของทรัพยากร ความพยายามเพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรประมงในระยะยาวก็จะไม่เกิดผลสำเร็จ ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อหลายปัจจัย เช่น สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล วิถีชีวิตของชาวประมงและชุมชนชายฝั่ง รวมไปถึงภาคธุรกิจซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก
นอกเหนือจากข้อเรียกร้องที่ถูกอ้างอิงด้านบนสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยยังขอให้มีการยกเลิกข้อบังคับให้เรือประมงเข้ารับการตรวจเรือประจำปีเพื่อตรวจสอบสภาพเรือและสวัสดิภาพของลูกเรือประมง และยังขอให้ผ่อนปรนการกรอกข้อมูลในแบบจัดเวลาพักในงานประมง ปม.2 การแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกเรือประมง และยังเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานทำการพิสูจน์และระบุลูกเรือประมงที่อาจเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์หรือการบังคับใช้แรงงาน
กฎระเบียบทั้งหมดที่ถูกอ้างอิงด้านบนล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของการติดตาม การควบคุม และ. การเฝ้าระวังการด้านการทำประมง (MCS) ของประเทศไทย การยกเลิกหรือผ่อนปรนมาตรการและกลไกเหล่านี้จะก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการพัฒนาและความสำเร็จที่ถูกสร้างขึ้นจากการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2558 กฎระเบียบเหล่านี้ช่วยสร้างกลไกด้านความโปร่งใสให้แก่อุตสาหกรรมที่เคยตรวจสอบได้ยากและขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และช่วยยืนยันว่าอาหารทะเลของประเทศไทยมาจากการทำประมงอย่างถูกกฎหมาย และไม่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมและความยั่งยืน กลไกเหล่านี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจยกเลิกใบเหลืองและเพิกถอนประเทศไทยจากกลุ่มประเทศที่ถูกเตือนเรื่องทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมของคณะกรรมาธิการยุโรป และการปรับอันดับให้ประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) สหรัฐอเมริกา
การปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงนี้จำเป็นต้องถูกพิจารณาร่วมกับอดีตของอุตสากรรมประมงในประเทศไทย ในอดีต เกิดเหตุเรือประมงของประเทศไทยที่ละเมิดกฎหมายและลักลอบการทำประมงผิดในประเทศเพื่อนบ้านแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่หลายกรณี[3] การค้ามนุษย์ การทำร้ายร่างกาย และการเอารัดเอาเปรียบลิดรอนสิทธิแรงงานยังเกิดขึ้นแพร่หลายในเรือประมงไทย[4][5][6][7]บทลงโทษและโทษปรับที่ไม่รุนแรงพอประกอบกับอุตสาหกรรมที่ขาดความโปร่งใสยังเว้นช่องว่างให้ผู้ประกอบการที่ขาดจรรยาบรรณและจริยธรรมสามารถกระทำผิดได้[8][9] และปัจจัยเหล่านี้เองที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมประมงไทย โดยผู้นำในภาคอุตสาหกรรมก็ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการเสียชื่อเสียงของประเทศไทยจากการทำประมงผิดกฎหมายเช่นกัน[10][11]
ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 รัฐบาลไทยได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมประมงที่เรื้อรังมาตั้งแต่ในอดีต ด้วยความอุตสาหะและทุ่มเทกำลังพลเพื่อก่อให้เกิดการปฏิรูปที่มีประสิทธิภาพ และด้วยผลของความพยายามนี้เอง คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้ตัดสินใจเพิกถอนใบเหลืองให้ประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา การยอมรับข้อเรียกร้องของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเพื่อเพิกถอนและยกเลิกกฎระเบียบต่างๆที่ทำให้ประเทศไทยได้รับการยกเลิกใบเหลือง จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียฐานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประมงระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ และจะส่งผลต่อชื่อเสียและภาพลักษณ์ของประเทศอีกด้วย
การปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงยังต้องคงอยู่ต่อไปในอนาคต หากประเทศไทยหวังจะสร้างอุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืน ถูกกฎหมาย และถูกต้องตามหลักมนุษยธรรมที่แท้จริง ในการก้าวต่อไปข้างหน้าการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงควรได้รับการพิจารณาและตัดสินผ่านการปรึกษาหารือสาธารณะ การหารือเฉพาะกลุ่มแบบที่สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยกระทำนั้น ขัดต่อผลประโยชน์และการรักษาสิทธิของชาวประมงพื้นบ้าน ชุมชนชายฝั่ง และระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางทะเล
ในฐานะกลุ่มองค์กรมีความเกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเล ทั้งผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก รวมไปถึง ชาวประมงพื้นบ้าน และองค์กรภาคประชาสังคมในประเทศและนานาชาติ เราขอความอนุเคราะห์ให้ท่านเข้ามาเร่งจัดการแก้ไขปัญหาความกังวลที่กำลังคุกคามอนาคตของอุตสาหกรรมประมงไทยและชุมชนท้องถิ่นที่มีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ผูกพันกับทะเลและทรัพยากรประมง
เรายังอยากขอเรียกร้องให้ท่านช่วยให้กระบวนการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตเป็นการกระบวนการที่เปิดเผยและโปร่งใสและได้รับการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมจากชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน ภาคประชาสังคม และนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ กระบวนการโปร่งใสนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมการหารืออย่างมีประสิทธิภาพและการสร้างการมีส่วนร่วมแบบพหุนิยม
เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลไทยกำลังก้าวไปสู่อุตสาหกรรมประมงที่ยั่งยืน ถูกกฎหมาย และมีมนุษยธรรมด้วยความตั้งใจและอุตสาหะ ข้อเรียกร้องที่ขาดเหตุผลและเกินสมควรของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยกำลังทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ล้าหลังในขณะที่ประชาคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมประมงที่ทวีความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม
เราเรียนขอร้องให้รัฐบาลไทยช่วยรักษาการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงและความสำเร็จเกิดขึ้นในสี่ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมประมงไทยเดินถอยกลับสู่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการถูกละเลยในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ด้วยความเคารพอย่างสูง
- กรีนพีช (Greenpeace)
- กลุ่มลูกเรือประมง (Fisherman Labour Group: FLG)
- เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Workers Rights Network: MWRN)
- เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group: MWG)
- ชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง (Small-scale Fisherfolk Club of Trang)
- ชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดสตูล (Small-scale Fisherfolk Club of Satun)
- เซนส์บิวรีส์ (Sainsbury’s)
- บริษัท ลียง ซีฟู๊ด (Lyons Seafoods)
- บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด (Seafood Legacy Co. Ltd.)
- พันธมิตรอุตสาหกรรมอาหารทะเลแห่งสหราชอาณาจักร (UK Seafood Industry Alliance)
- มูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา (Foundation for Education and Development: FED)
- มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (Labour Protection Network: LPN)
- มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF)
- มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) (Human Rights and Development Foundation: HRDF)
- มูลนิธิมานุษยะ (Manushya Foundation)
- มูลนิธิอันดามัน (Save Andaman Network)
- มูลนิธิไอเจเอ็ม (IJM Foundation)
- มอร์ริสันส์ (Morrisons)
- ภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่ออาหารทะเลที่เป็นธรรมและยั่งยืน (Civil Society Organisation Coalition for Ethical and Sustainable Seafood)
- เครือข่ายหยุดยั้งการค้ามนุษย์ออสเตเรีย (Stop the Traffik Australian Coalition)
- ศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเล (Stella Maris Seafarers' Centre)
- เวทโรส แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Waitrose & Partners)
- สภาสิทธิแรงงานนานาชาติ (International Labor Rights Forum: ILRF)
- สมาคมรักษ์เลกระบี่ (Krabi Sea Defenders Associations)
- สมาคมดับบ้านดับเมือง (Dabban Dabmueang Association)
- สมาคมสตรีชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้ (Southern Fisherfolk Women Association)
- สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย (Federation of Thai Fisherfolk Associations)
- สมาคมรักษ์ทะเลไทย (Thai Sea Watch Association)
- องค์การ เดอะ เนเจอร์ คอนเซอร์แวนซี (The Nature Conservancy)
- องค์การจริยธรรมพื้นฐานทางการค้า (Ethical Trading Initiative: ETI)
- องค์การฟรีด้อมฟันด์ (Freedom Fund)
- องค์การฟรีด้อมยูไนเต็ด (Freedom United)
- องค์การฟรีสไวส์ (Fishwise)
- องค์การอเมริกาสีเขียว (Green America)
- องค์การอ็อกแฟม อินเตอร์เนชั่นแนล (Oxfam International)
- องค์การฮิวแมนนิตี ยูไนเต็ด (Humanity United)
- ฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch)
[1] EJF (2015) Pirates and Slaves: How overfishing in Thailand fuels human trafficking and the plundering of our oceans https://ejfoundation.org/resources/downloads/EJF_Pirates_and_Slaves_2015_0.pdf
[2] Department of European Affairs (5 June 2018) IUU : Thailand Update No. 2 IUU Facts & Figures www.mfa.go.th/europetouch/th/news/8359/90095-Thailand-Update-No.-2-IUU-Facts-&-Figures.html
[3] Thammasat Business Law Journal (2018) Thailand’s compliance with International Standards Against Illegal, Unreported, and Unregulated Fisheries https://www.tci-thaijo.org/index.php/TBLJ/article/view/112589
[4] International Organization for Migration (2011) Trafficking of Fishermen in Thailand https://publications.iom.int/system/files/pdf/traffickingoffishermenthailand.pdf
[5] U.S. State Department (2014) Trafficking in Person Report https://2009-2017.state.gov/j/tip/rls/tiprpt/2014/
[6] BBC (2014) Forced to fish: Slavery on Thailand's trawlers https://www.bbc.com/news/magazine-25814718
[7] Associated Press (2015) US lets in Thai fish caught by slaves despite laws https://www.ap.org/explore/seafood-from-slaves/us-lets-in-thai-fish-caught-by-slaves-despite-law.html
[8] International Organization for Migration (2011) Trafficking of Fishermen in Thailand https://publications.iom.int/system/files/pdf/traffickingoffishermenthailand.pdf
[9] Thammasat Business Law Journal (2018) Thailand’s compliance with International Standards Against Illegal, Unreported, and Unregulated Fisheries https://www.tci-thaijo.org/index.php/TBLJ/article/view/112589
[10] Bangkok Post (2018) Fishing for renewed aspects https://www.bangkokpost.com/business/1500074/fishing-for-renewed-respect
[11] The Nation (2019) Fishery sector buoyed up after EU lifts yellow card https://www.nationthailand.com/national/30361948